วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

ภาพ กับความหมายดีๆ

ภาพ กับความหมายดีๆ

ความรู้สึกแบบนี้ ... ความเข้มเข็งในความอ่อนโยน


ใครว่า...รักกันไม่ได้ .... อายพวกเขากันบ้างไหม คนเราน่ะ ....


 
 
หมาบ้าง ...ควายบ้าง ...มนุษย์เราตั้งให้
แต่... เขา พึ่งพิงกันได้ ไม่เห็น ต้องแบ่งพวกเลย

บางคราว... คำพูด ไม่มีความหมายเท่าการกระทำ


ขาว หรือ ดำ ใหญ่ เล็ก ไม่ไช่เรื่องสำคัญ อยู่ที่ "ใจ"


ความเสียใจ ...กับนํ้าตา คือสิ่งคู่กัน เมื่อมันไหลออกมาเสียบ้าง จะได้เบาบางลง


ผู้ชาย.....บางครั้งก็ ใจดำ !!!!~



บั้นปลาย ...ไม่ต้องรวยล้นฟ้า แต่ อยากเห็น ทุกคนเหมือนภาพนี้










 

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

ศีล 8....พฤหัสฯ 15 เมษายน 2553

          เหมือนเดิม...ตื่นมาก็เตรียมตัวทำวัตรเช้า ไปโบส์เก่า (สายกว่าคนอื่นๆ เหมือนเดิม) พระเริ่มสวดแล้ว เข้าประจำที่ กราบพระพุทธ พระสงฆ์ นั่งสวดมนต์ไปเรื่อยๆ จนจบต่อด้วยการนั่งวิปัสสนาฯ สำหรับวันนี้การนั่งวิปัสนาฯ ดีกว่าเมื่อวานคือมีหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติมากขึ้น จากที่แต่ก่อนงมทางตลอด แต่วันนี้รู้หละว่าต้องไปทางไหน!! ที่จะทำให้เราเข้าถึงการวิปัสนาฯ นิ่ง สงบ แต่มีสติ ก็ยังไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ แต่รู้สึกสบายใจตอนนั่งสมาธิ ความรู้สึกไม่น่าเบื่อเหมือน 2 วันที่ผ่านมา เวลาสติหลุดลอยไปกับหนู หมายถึง หนูวิ่งเข้ามา ก็ตั้งสติใหม่ จังหวะจะสะดุดนิดหน่อย ตั้งใจฟังเสียงรอบตัว...ให้เปรียบก็เหมือนเด็กกำลังหัดยืน ยืนแป๊ปเดี่ยวก็ล้ม ประมาณนั่นเลยหละ เด๊ะเลย 5555....."พอ สมควรแก่เวลา" เสียงของพระอาจารย์อ๊อด  แล้วก็ต่อด้วยแผ่เมตตา จบพิธีตอนเช้า
        บรรยากาศข้างนอกยังไม่สว่างซะทีเดียว พระอาจารย์อ๊อดถามว่า ตกลงวันนี้กลับใช่ไหม!!...ก้มหน้าเลยเรา แม่บอกว่าจะขออยู่ต่ออีกสักวัน เค้ายังไม่อยากกลับ ตามใจเค้า อยู่เกินดีกว่าอยู่ขาดกว่าที่ตั้งใจไว้!! พระอาจารย์บอกว่าดีแล้ว จะได้ปฏิบัติต่อ แล้วพระอาจารย์ก็ออกบิณฑบาตร กิจประจำของสงฆ์
        10 โมง นัดกับพระอาจารย์แมวไว้ ที่ลานร่มไทร เพื่อทบทวนบทเรียน มีน้องตา อีกคนที่ร่วมเรียนนี้ด้วยเป็นรวม 2 คน ก่อนปฏิบัติก็นั่งสนทนากันกับพระอาจารย์แมวไปเรื่อยๆ สบายๆ เหมือนทำความรู้จักลูกศิษย์เพื่อแก้ให้ตรงจุด (คิดว่างั้นนะ) เพราะท่านจะแนะต่อว่าคนนี้ทำงี้นะ ส่วนคนนั่นทำงั้นนะ ถามไป ท่านตอบมา ให้หายสงสัยได้เยอะเลย (ท่านบวชมานานเกือบ 20 ปีหละ ถึงรู้เยอะ แต่จริงๆ อายุ 38 เอง เคร่งมาก ทานมื้อเดียว) คุยก็ไม่เครียด หัวเราะสนุกสนานดี ไม่เหมือนเมือวานเกรงๆ เกร็งๆ ก็ไม่เคยคุยกะพระนานนี่!.....สมควรแก่เวลาก็ปฏิบัติเดินจงกรม นั่งสมาธิ พระอาจารย์แมวบอกให้เราต้องนั่งวัน 45 นาทีทุกๆ วัน เฮ้ออ จะทำได้ไหมเนีย!!..เพราะจริตโทสะและจิตลิงตัวนี้ แรง น่ากลัว (จริงๆ) ออ เป็นคนทุกข์ง่ายด้วย 55555...  พระอาจารย์แมว สอน และให้สติเยอะจริงๆ (สมแล้วที่ท่านฯ เป็นพระอาจารย์สอนและเผยแพร่การปฏิบัติฯ)...ช่วงบ่ายวันนี้ฝนตกด้วย คิดว่าจะตกหนัก มืดฟ้ามัวดินเชียว เอาเข้าจริงๆ ตกไม่ถึง 3 เม็ด ได้มั่ง.....ปฏิบัติถึง  4 โมงเย็น หลังฝน(ตก 3 เม็ด) หยุดก็ได้เวลากวาดลานวัด  ช่วยพระอาจาย์แมวกวาดลานต้นไทร  เหนื่อยสุดๆ ไม่เคยบ้าพลังขนาดนี้ 5555 แล้วก็กลับไปอาบน้ำแต่งตัวมาทำวัตรเย็น..(เหมือน.....เมื่อวาน)
       วันนี้รู้สึกง่วงมากกกกกกคงเพลียเพราะความบ้าพลังกวาดลานวัดแน่ๆ.....นอนดีกว่า....หลับสนิทจริงๆ รู้สึกตัวอีกที เพราะฝนตก(อย่างหนัก) ประมาณเที่ยงคืนได้มั่ง ไฟดับอีกแต่ดีหน่อยที่ไม่ร้อน อากาศค่อนข้างจะเย็นๆ ด้วยซ้ำ......หลับต่อ (หลับสนิทนี่มันมีความสุขจริงๆ นะ)...  :)) 

 
............................**............................
 
 
ศีล 8 ...วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2553
 
 
           02.50 น.ไม่อยากตื่นเลย รู้สึกยังง่วงอยู่เลยอะ (เฮ้อออ ยาวๆ) นอนหลับสนิทมันมีความสุขจริงๆ อาบน้ำ แต่งตัว ไปทำวัตรเช้า  
            เดินค่อนข้างลำบากถนนแฉะ ๆ ลื่นๆ สายเหมือนเดิม ไฟดับตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้เลยต้องจุดเทียนพรรษา(ใหญ่)แทนแสงนีออน บรรยากาศดีมาก นึกถ้าพกกล้องมานะ ได้ภาพที่ได้ฟิวส์แน่ๆ เพราะมันแสงสวยอะ!! แต่คนถ่ายไม่มีฝีมือก็เท่านั่น 555  วันนี้มีความสุข กับการนั่งวิปัสสนามากๆ เวลาผ่านไปแป๊ปเดียว ประมาณ 45 นาที วันนี้ความคิด(หนู) ก็มีแว๊บเข้า แว๊บออก เวลาความคิด มันแว๊บเข้ามาเรารู้ แต่ไม่ต้องสนใจมันหนูนั่น (พระอาจารย์บอกไว้) ให้รู้สึกอยู่กับความเคลื่อนไหวของกาย เรียกว่า รู้รูป-รู้นาม (มีการทำการเคลื่อนไหวของมือทั้งสองข้างเพื่อสร้างจังหวะ ปฏิบัติแบบนี้เป็นสายของหลวงพ่อเทียน) รับรู้การเคลื่อนไหวของร่างกาย หนูจะหายไปเอง จริงๆ มันเป็นอย่างนั่นจริงๆ....หูก็ฟังเสียงรอบๆ ตัว (ช่างมีความสุขจริงๆ) อากาศเย็นสบาย.....สมองปลอดโปร่ง สงบดีจริงๆ ทุกอย่างนิ่ง เบา แต่ได้ยินเสียงรอบตัวพร้อมรับรู้การเคลื่อนไหวของมือที่จับจังหวะ ไปเรื่อยๆ...."พอ สมควรแก่เวลา"เสียงของพระอาจารย์อ๊อด
            วันนี้ สมควรแก่เวลาของการบวชชีพราหมณ์ ต้องลาจากศีล 8 (เรียกเต็มๆ ว่าอะไร) ก่อนที่พระอาจารย์อ๊อดจะออกไปบิณฑบาต ทั้งๆ ไฟยังดับแต่ฝนหยุดแล้ว ก็ให้ว่าตาม (โดยไม่รู้ความหมาย) เสร็จพิธีฯ จากนั่นก็ถวายปัจจัย แล้วก็แยกย้ายไปทำภาระกิจของตัวเอง เราก็เข้าครัว ช่วยแม่ชี ทั้งๆ ไฟยังดับ ฟ้าก็ยังมืด ต้องจุดเทียนเล่มเล็กในครัว อะอะ วันนี้มีแขกมาเยี่ยมมาเยียน เสียงเจ้าหลง (หมาวัด) เห่าไม่ยั้งเลย กลัวจะไม่รู้หรือไงว่าแกเห่า งูเหลียม...เออ ฉันรู้แล้ว  แมชีบอกว่า ขาเราเล็กกว่าอีก  (หุหุ มีแอบปลื้ม) แสดงว่ามันคงจะไม่ใหญ่เท่าไหร่ 55555 ว่าไปนั่น มันอยู่ใต้ตู้เก็บอาหาร อะจึ้ยยยย แต่สำหรับที่นี่ ปกติเลยหละ ฝนตก งูเหลี่ยมจะออกมา หลายปีก่อนที่เคยมา ก็เจอแบบนี้หละตัวใหญ่ด้วย แต่ครั้งนี้ไม่เห็นมันหรอก มันไม่กล้าออกมา มันคงอาย เอ้ยยกลัวเจ้าหลงงับมัน เล่นนั่งเฝ้า นอนเฝ้ากันหน้าตู้เลย
 

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

ศีล 8...พุธ 14 เมษายน 2553

     
      วันนี้ตั้งนาฬิกาปลุกขยับขึ้นมาช้ากว่าเมื่อวานละกัน เสียเวลาหลับเวลานอน แต่เมื่อคืนก็อดไม่ได้ที่จะต้องกินยา (ยานอนหลับครึ่งเม็ด สูตรเดิม) เพราะกลัวว่าจะนอนไม่หลับ ก่อนนอน ก็อาบน้ำแต่ทาครีมบำรุงหน้า(เน่าๆ)ไม่ได้เพราะจะผิดศีลข้อ 7  ห้ามของหอม และเคลื่องลูบไล้ ฯลฯ จริงๆ ตั้งแต่มาก็ปฏิบัติแบบวันนี้หละ ไม่ทาแป้ง ไม่ทาลิปสติกทั้งสีและมัน ไม่ส่องกระจก(กลัวตกใจหน้าตัวเอง อิอิ) ตื่นเช้ามาทุกๆวันก็แค่แปรงฟัน อาบน้ำ ล้างหน้า(แอบใช้โฟม คิดซะว่าเป็นการรักษา อยู่ที่เจตนา ไม่บาปและผิดศีล)  แต่งกายด้วยนุ่งขาวหุ่มขาว ผ้าสไบขาว (ต้องมี ทั้งๆ ที่ ร้อนแค่ไหนก็ต้องพาดไว้ตลอด แม่บอกห้ามถอด แต่เห็นแม่ถอดตลอดหละ! แต่ก็ไม่กล้าถอดตาม) เดินส่องไฟฉายไปโบส์ถ หลังจากพระตีระฆังเรียก เอ้ยย  บอกเวลาทำวัตรเช้า....ไปเป็นกลุ่มสุดท้ายเหมือนวันนี้ (สรุป ทุกวันหละไปช้ากว่าเค้าเลย ก็ผู้สูงวัยตั้ง 3 คนนี่) เหมือนเดิม กิจวัตรสวดวัตรเช้า เปิดหนังสือหน้าไหนๆ พระอาจารย์อ๊อดจะบอกก่อนสวดเสมอ สวด สวด อากาศก็ดีเหมือนเมื่อวาน (ชักหลงไหลอากาศเวลาช่วงนี้ ซะจริงๆ) เสียงพระอาจารย์อ๊อดก็สวดได้ไพเราะฟังแล้วก็เคลิ้มจริงๆ 55555 สวดวัตรเช้าเสร็จก็ ถึงเวลานั่งวิปัสสนา เหมือนเดิม นั่งปฏิบัติแบบเมื่อวาน  ยุบหนอ พ่องหนอ แล้วก็ง่วง (เด๋วจะบอกว่าทำไม ถึงง่วง อันนี้ต้องติดตามตอนต่อไป) ง่วง ง่วง ฝืน ฝืน ไม่ไหวจะฝืน ก็นั่งฟังเสียงนก เสียงจิ๊งหรีด เสียงธรรมชาติไปพลางๆ อะเพลิดเพลินกะเสียงรอบโบส์ถหน่ำใจแล้ว ก็ตัดใจลองใหม่ นั่ง ยุบหนอ พ่องหนอ ต่อ เหมือนเดิม ง่วง ง่วง หลับหนอ ง่วงหนอ ยุบหนอ พังหนอ 555555 มาเป็นระลอก โอ๊ยยยย ไม่ไหว พอ พอ อารมณ์ตอนนั่นมันจะรู้สึกนานมั่กมาก (ขอบอก) นั่งๆ ก็นึกเสียดายเวลา ทำไม เราทำไม่ได้ ตอนนี้หละ เริ่มรู้สึกหดหู่แล้ว ไม่ได้อะไรเลยหรอ ทำไม เราทำไม่ได้ คนอื่นๆ เค้าคงได้กันหมดหละ พอได้สติ ก็นึกถึงคำพูดของพระอาจารย์อ๊อดที่ท่านเคยบอกว่า มาครั้งนี้ ก็ไม่ต้องคาดหวัง ถ้าไม่ได้อะไร คิดซะว่ามาพักผ่อน ทำใจให้สบาย แว๊บหนึ่งพอนึกแบบนี้ได้ ก็รู้สึกดีขึ้น แต่มันไม่ใช่วัตถูประสงค์ที่เรามาที่นี่....อย่างน้อย ก็ให้ได้มากกว่านี้ได้ไหม! ...จะทำได้ไหม! นั่งนึกว่า เอาหละ  เราต้องตั้งใจให้มากกว่านี้ วันนี้ต้องขยันเดินจงกรม นั่งวิปัสสนาให้มากกว่าที่อยู่ในครัว 55555 (แอบขำในใจ) สักครู่ ได้ยินเสียงจากสวรรค์ นั่นหมายถึง คนอื่นๆ เค้าเลิกนั่งวิปัสสนา ที่เราทำไม่ได้ "พอ...สมควรแก่เวลา ต่อไป ทำจิตให้สงบแผ่เมตตา" หลังสวดเสร็จ เหมือนเดิมพิธี กราบพระพุทธ พระสงฆ์ และแยกย้าย วันนี้พระและเณร มีกิจสงฆ์คือออกบิณฑบาตร ยกเว้นพระอาจารย์อ๊อด เพราะมีชาวบ้านมาแต่เช้าเลย มาถวายสังฆทาน และเจิมรถ
        ส่วนเราก็อยู่ในครัว เหมือนเดิม 55555 กิจเหมือนเดิม พระและเณรกลับมาจากบิณฑบาตรประมาณเกือบๆ 7 โมงเช้า ก็ได้เวลาจังหัน(ฉันท์มื้อเช้าของพระ) มีชาวบ้านมาทำบุญ วันนี้อาหารยังเยอะ พิธีของที่วัดป่านี้ (เหมือนเมือวานและทุกๆวัน) พระสวดๆ แล้วก็ถือบาตร (ส่วนตัว) ออกไปตักอาหารที่ตั้งไว้บนโต๊ะ มีที่คลอบกันแมลงวัน (ไม่กันฝุ่นนะ) ยาวพอประมาณ ตั้งอาหารคาว หวาน ขนมและผลไม้ ก็ต้องมีคนประเคนก่อน แล้วพระอาจารย์อ๊อดก่อนนำตัก ตักอาหารทั้ง คาว หวาน ผลไม้ ทุกอย่างที่ต้องการฉันท์ในบาตร หรือจะตักขนมแบ่งใส่ฝาบาตรก็ได้ แต่อุปกรณ์การใส่แค่นี้ ต่างจากพระวัดทั่วไป นั่งอยู่กะที่ แล้วชาวบ้านจะนำถาดอาหารมาประเคนที่หน้า แต่ที่วัดป่า (แห่งนี้) ทำแบบนี้ ต่อด้วยพระรูปอื่นๆ ตักเสร็จก็กลับไปนั่งที่เดิม ขณะที่ตัก พระยังไม่ฉันท์นะนั่งรอ ตามด้วยเณร (และพ่อ) และชีตักตามหลัง ก่อนลุก ชีก็ต้องกราบพระพุทธ 3 ครั้ง ตักใส่ชาม หรือจาน แค่นั่น อยากกินอะไรก็ตักใส่ อาจจะแยกขนมอีกจานก็ได้ ข้าพเจ้ากินมื้อเช้าได้ไม่เยอะ เพราะยังไม่รู้สึกหิว ก็ตักไม่เยอะ ทั้งๆ อาหารแบบบ้านๆ นี่ น่ากินชมัด 555 ตักแต่น้ำพริก กะผักต้ม ขนมนี่มีแต่ของชอบ แต่ไม่หยิบมาเลย แม่ต้องเอาเผื่อก็จะกินกับแม่ นิดหน่อย มันไม่หิวอะ (เสียดาย ของชอบๆทั้งนั้น ขนมโบราณๆ) ตักเสร็จ ไปนั่งที่เดิม เณร และชีตักเสร็จ ก็กลับไปนั่งที่เดิม นั่งเรียบร้อย พระก็จะนำกราบพระพุทธอีกครั้ง จากนั่นก็นั่งกินพร้อมกัน ส่วนชาวบ้านก็ลุกขึ้นไปตัก มานั่งกินเหมือนกัน ทำเหมือนกันกะที่พระและชีทำ อาหารที่เหลือจากมื้อเช้า ก็เก็บไว้เป็นมื้อเพล อันนี้แล้วแต่ใครจะกิน ถ้ามีอาหารเหลือน้อย ก็จะทำเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่ ช่วงเพล ไม่ค่อยฉันท์หรอก หมายถึงพระนะ ออ ลืมบอกไป พระจากวัดธรรมกายก็มาฉันท์ด้วย 3 รูปมั่ง แต่ไม่ทำวัตรเช้าไม่ออกบิณฑบาตร (ก็งงๆ เหมือนกัน ทำไมแบบนั่น) หลังจากฉันท์เสร็จ กินเสร็จ ก็ลุกแยกย้ายไปล้างเอง ไม่มีสวดแล้วตอนนี้ พระก็ล้างบาตรของตัวเอง .....
          หลังจากหมดภาระกิจช่วงเช้านี้แล้ว ก็เริ่มปฏิบัติ กว่าจะเริ่มได้ก็ปาไปเกือบ 10 โมงแล้ว เห็นโบส์ถเก่าว่างๆ ก็ไปนั่งสมาธิ เหมือนเดิม ยุบหนอ พ่องหนอ นานๆ ไป ยึดหนอ พังหนอ ซะงั้น 5555 มาเองเลยนะคำนี้อัตโนมัติ เริ่มเครียด เพราะกำหนดกลับจริงๆ คือ พรุ่งนี้ แล้ว วันนี้ยังไม่ได้อะไรเลย พระอาจารย์อ๊อดเดินผ่านมา ทักว่าทำไมดูเดินแข็งๆ เกร็งๆ (ก็เดินแบบยุบหนอ พองหนอ ต้องเก้าช้าๆ เดินแบบหลวงพ่อเทียน จะแบบสบายๆ แต่สมาธิจะต่างกัน) ก็ได้คุยกับท่านแป๊ปเดียว ท่านก็จะออกแนวปัชญาอีกแล้ว!!
ก็มีคนแขกมาพบอีกแล้ว!! เลยไม่ได้ให้สอนเป็นเรื่องเป็นราวซะที เดินเอง นั่งเอง อีกแล้ว :(  ....ชะเง้อหาพระรูปนั่น ก็หามะเจอ!! :(
        จนได้เวลากวาดลานวัด ถึงเห็นพระรูปนั่น...ตัดสินใจเดินดุ่มๆ ไปหาเลย พระก็ตกใจนะ 555  หลวงพี่คะช่วยเทคนิคการเดินจงกรม และนั่งวิปัสสนา ให้หน่อยซิคะ (หลวงพี่ตอนนั่นงง หน้ายังเอ๋อๆ 555) ท่านก็สอน แต่พอดีมีน้องที่มาบวชใหม่ เดินมาพอดีเลยชวนน้องให้มาฟังด้วยกัน!.....พระอาจารย์แมว ชื่อท่าน ก็เริ่มการซักถามจริตของแต่ละคน จริตแบ่งออก เป็น 5 อย่าง ของเราจัดในประเภท จริตโทสะ เพราะอารมณ์โกรธ โมโห รุนแรง วิเคราะห์จากบุคคลิกความเด่น ของแต่ละคน พระอ.แมว เห็นแล้วยังอดทักไม่ได้(มั่ง) ว่าเป็นคนดุ เอาเรื่อง 55555  (นิหน่อยยย) อย่าเอ่ยมากเลยนะ เด่วภาพพจน์จะเสียหมดเพราะไดอารี่นี้ 5555 ใครๆ จะกระเจิงซะก่อน หุหุ.....จิตลิง คือประมาณ คนที่วอกแวกกับสิ่งรอบตัว ขี้สงสัย (ตรงนี้ดี ที่ทำให้เกิดปัญญาไว) เข้าใจง่ายๆ คือ คนไฮเปอร์ นั่นหละจิตลิง  หลังจากที่ท่านทราบจริต และจิตของแต่ละคนแล้ว ท่านก็จะสอนวิธีการปฏิบัติ และการแก้ อย่างคนจิตลิง ต้องให้ปฏิบิตในโบส์ถ ที่เงียบๆ เพราะพวกนี้จะสนใจสิ่งรอบข้างมากจนไม่สามารถควบคุมสมาธิได้ จิตเต่าให้ปฏิบัติในที่ๆ มีคนพลุกพล่าน ที่วุ่นวายๆ ยิ่งดี เพราะคนประเภทนี้ไม่ค่อยสนใจไร ต้องให้สิ่งรอบตัวกระตุ้นเสมอๆ และท่านก็แนะเกี่ยวกับการทำวิปัสสนาฯ โยงให้เห็นภาพ เป็นหนูกับแมว อันนี้หละ ชอบมาก หนู คือ ความคิดที่แวบเข้ามาในความคิดเราแล้วก็แวบไป ส่วนแมว คือสติ......เราต้องทำยังไงจะให้แมวโต จับหนู เราต้องให้อาหารแมว นั่นคือ เราต้องฝึกปฏิบัติจังหวะของความรู้สึก ท่านอธิบายแล้วก็ให้เราลองปฏิบัติ โดยยืนนิ่งๆ สบายๆ แล้วใช้หูฟังเสียง จับเสียงให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ต้องไปเพ่งบอกว่านั่นคือเสียงอะไร แค่ให้รู้ว่าเรากำลังฟังเสียง (ตอนนี้จะรู้สึกสบายหูมั่กมาก เพราะจะได้ยินเสียงธรรมชาติบริเวณนั่น ชัดจริงๆ เสียงนก เสียงร้องกระรอก กระแต จิ๋งหรีด เยอะแยะเลย เสียงเพลงจากกลุ่มเล่นสงกรานต์ลอยมาแต่ไกลก็ยังได้ยิน ได้ยินเสียงจากไกลๆ ก็ได้ยิน มีฟามสุขจริงๆ ตอนนั่น) รู้เลยตอนนั่นสมาธิเหมือนอยู่ที่หู แล้วท่านอาจารย์ให้เดินไปข้างหน้าแบบสบายๆ จิตลิงต้องมองระดับพิ้น แต่จิตเด่าต้องมองให้ไกลๆ ไปโน้น ยอดไม้โน้นนน ก็เริ่มเดิน เดินไป วนกลับ แล้วก็หยุด ตามคำสั่งพระอาจารย์แมวบอก ท่านถามว่า รู้สึกไง ตอบอย่างมั่นใจเลย (ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่) "ไม่มีหนู" เพราะตอนนั่น ความรู้สึกนิ่งมากในหัวไม่มีความคิดอะไรแว๊บเข้ามากวน รู้สึกว่างเปล่า ทั้งๆ รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวและเสียงรอบตัว พระอาจารย์แมวบอกว่านั่นหละ ใช่แล้วเรียกว่า"สมาธิมีสติ"...โคตรดีใจเลยตอนนั่น รู้สึกเคลียร์  เหมือนเห็นแสงสว่างนิโหน่ย เลยหละ 5555 .....แค่นั่นหละวันนี้ ออ รู้สึกไม่อยากกลับหละพรุ่งนี้ คือกำหนดกลับกรุงเทพหละ แต่ยังไม่อยากกลับ พระอาจารย์หนุนเลย ยังไม่ต้องกลับ อยู่ต่ออีกสักวัน....ลังเลละซิทีนี้ ใจลึกๆ ไม่อยากกลับอยู่ด้วย แต่ก็สมควรแก่เวลาในการเริ่มฝึกและปฏิบัติของวันนี้หละ พระอาจารย์ก็ต้องกวาดลานวัด ส่วนเราก็ไปพัก เอ้ยย ไปเตรียมตัวทำวัตรเย็น (อยู่ในครัว และไปอาบน้ำ).....ถึงเวลาทำวัตรเย็น วันนี้ทำวัตรเย็นที่โบส์ถหลังเก่า เพราะหลังใหม่ ให้พระจากธรรมกายครอบครองชั่วคราว ตอนค่ำ น่ากลัวเหมือนกันนะ วิเวิกชมัด เพราะโบส์ถเก่าจะโปร่งๆ มองเห็นหมดหละ ต้นไม้ รอบนอก ยิ่งเวลานั่งสมาธิเนี่ย พระอาจาย์อ๊อดจะปิดไฟด้วย มันจะมีแต่แสงเทียนที่จุดหน้าพระพุทธรูปนั่นหละที่ให้แสง ความมืดเวลาตอนเช้ากับตอนเย็นมันไม่เหมือนกันนะ!! แปลกไหม! คงเพราะอากาศทำให้เรารู้สึกแบบนั่น....วันนี้ปรึกษาแม่ว่าไม่อยากกลับขออยู่ต่อสักวัน และก็เล่าเรื่องว่าวันนี้ได้ไรมาบ้าง เม้าท์ไปจนหลับ ....ป้าคุยไปเถอะ เราทำเนียนหลับ ปล่อยให้ป้าพูดคนเดียว 55555....กู๊ดไนท์นะจร้า ความสุข

ศีล 8...อังคาร 13 เมษายน 2553

        
          เมื่อคืนนอนไม่หลับ ต้องพึ่งยานอนหลับไปครึ่งเม็ด ไม่ใช่ตื่นเต้นเพราะต่างถิ่น หรือกลัว ผีเผอ อะไรหรอกนะ แต่เพราะเสียงของป้าที่นอนข้างๆ เนี่ยหละ โอ๊ยยย แม่จ้าว ดังยังกะโรงสีข้าว 5555 ต้องสกิดเรียกกันตลอด ถ้าไม่กินยา คงไม่ได้นอนแน่คืนนี้ เลยต้องตัดใจกิน ทั้งๆ ทีไม่อยากกินหรอก อยากรู้ว่า ก่อนนอน เราสวดมนต์ทำวัตรเย็นขนาดนี้แล้ว จะหลับสบายไหม! (อย่างที่เค้าบอก ถ้าสวดมนต์แล้วจะทำให้หลับสบาย)  ตกลง เลยไม่รู้ เพราะเสียงกรน ชนะความอยากรู้ 5555...นอน นอน และ นอนเถอะแล้วก็ หลับ หลับ ยาวววววว มาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนากาปลุก ตอนตี สองสามสิบ ทำภาระกิจส่วนตัว ยังมีเวลา ก็เสียบน้ำร้อน กินกาแฟ สดชื่นจริงๆ เวลาตอนนี้ เย็นสบาย เงียบ และมีกาแฟ อิอิอิ ยังกะมาเที่ยวเลย... : )
         แล้วก็ถึงเวลาพระตีระฆัง ตอนตี 3 เสียงระฆัง ช่างไพเราะ นิ่ม กังวาลดีจริงๆ ฟังกี่ทีๆ ก็อารมณ์นี้ จากกุฏิเดินไปที่โบส์ถเก่า ประมาณ 100 เมตร น่าจะได้ ทางชัน (ไม่) นิดหน่อยหละ สำหรับคนแก่ อิอิ
         มาถึงโบส์ถเก่าก็ครบทุกๆ ชี และพระก็มาครบทุกๆ รูปแล้ว ประจำที่....เวลาทำวัตรเช้า และเย็น ก็จะต้องมี (ส่วนตัว มีก็ได้ ไม่มีก็ได้) ผ้าปูรองนั่งผืนพอประมาณสีขาว และผ้ารองกราบผืนเล็กอีกหนึ่งผืนกางลงไปตรงหน้า กราบพระพุทธ และกราบพระสงฆ์ (เสียง จิ๊งหรีด เสียงนก เสียงอะไรต่อมิอะไร เยอะแยะเลย มีแต่เสียงธรรมชาติ ดังระงมเลย ฟังแล้วเพลิน)  พระอาจารย์อ๊อด นำสวด สวด สวด ผ่านไป ชม.ได้ ก็ถึงเวลานั่งวิปัสนาฯ (ตอนนี้หละ จะว่าน่าเบื่อก็น่าเบื่อ สุดๆ) อะ!! ทำตามคำสั่ง นั่ง ๆ นึก ๆ "ยุบ-หนอ" "พ่อง-หนอ" (ของหลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวา) ว่าในใจเรื่อยๆ ๆ ๆ เริ่มเคลิ่ม หัวเริ่มหนัก ๆ อิอิ นี่หรือเปล่าที่เรียกว่า ผงก 5555  ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที เริ่มจะหลับ พอตอนนอนไม่อยากหลับ พอจะปฏิบัติ ทันทีเลย ง่วงงงงง สุดๆ เสียงจิ๊งหรีด เสียงนก เสียงลม เสียงใบไม้ จากที่มันร้อง มันดังก็ปกติ แต่ตอนนี้เหมือนเสียงสวรรค์กล่อมเลยที่นี่....ไม่ไหว จะทน พอ ไม่ฝืน ก็นั่งคิด คิดว่า เค้าทำยังไง มองคนอื่นเค้า เค้าจะง่วง จะเป็นแบบเราไหม ที่นั่งนิ่งๆ เงียบๆ เนี่ย!!! คิดต่างๆ นานา...จนได้ยินเสียงพระอาจารย์อ๊อด (เสียงจากสวรรค์เลย) "พอ สมควรแก่เวลา" หลังจากผ่านไปประมาณ 45 นาที น่าจะได้ แล้วก็ต่อด้วยแผ่เมตตา เป็นอันเสร็จพิธีทำวัตรเช้า พระกราบพระพุทธ เสร็จ ตามด้วยเณรและ ชี กราบพระพุทธ แล้วก็แยกย้าย ไปทำภาระกิจ 
        วันนี้เป็นวันพระ และเป็นวันสงกรานต์ พระและเณร ไม่ต้องออกบิณฑบาตร ชาวบ้านมาทำบุญกันแน่นศาลาเลยหละ.....หลังจากพิธีทางศาสนาผ่านไป ก็เป็นการสงค์น้ำพระ และรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าแม่เฒ่า ผู้สูงอายุ (อายุปูนนี้ ครั้งแรกที่สงค์น้ำพระ 5555).....และเราก็ถือโอกาสรดน้ำขอพรจากแม่และป้า ด้วย ส่วนพ่อหาย สงสัยกลับไปที่กุฏิ  เดี่ยวค่อยรดตอนเย็น!!     
     วันนี้ไม่ได้อะไรเลย ยังยึดหลักของหลวงพ่อจรัญเหมือนเดิม ยุบหนอ-พ่องหนอ เมื่อย และง่วงมั่กมาก เดินจงกรมก็ปวดหลัง นั่งก็จะหลับ อากาศก็ร้อนโคตรๆ ขอบอก เสียงคนเล่นน้ำเปิดเพลงเต้น ที่ถนน ดังมาก ขนาดอยู่บนเนินเขายังได้ยินชัดเลย!  คงสนุกสนานกันมาก คงไม่ร้อนอย่างข้าพเจ้าเพราะตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ.... มีโอกาสได้คุยกับพระอาจารย์อ๊อด ท่านถามว่าเป็นไงบ้างวันนี้! ข้าพเจ้าบอกว่าไม่ไหว รู้สึกไม่มีสมาธิ เลย สับสน พอถึงจุดนิ่งๆ จะสงบก็รู้สึกง่วงสุดๆ ผงกจะให้อย่างเดียว พระอาจารย์บอกง่วงงั้นก็นอนเลย แต่ให้นอนก็นอนไม่หลับหรอก และท่านก็ถามว่าเมื่อคืนหลับไหม ก็บอกไปว่าไม่หลับ (อืมสงสัยเหตุจากเมือคืนนอนไปหลับ) ท่านเลยบอกว่าให้นอนท่าเอาแขนหนุนหัวตัวเองซิ ท่านคงคิดว่าเรานอนไม่หลับเพราะไม่มีของหนุน จริงๆ ก็ไม่มีหละนอนราบกับพื้นเลย เด๋วผิดศีลข้อ 8 (จริงๆ นอนไม่หลับก็คงเพราะเสียงกรนยังกะโรงสีข้าวของป้าตะหาก 55)

        บ่ายกว่าๆ ไม่มีที่จะอยู่หละ ร้อนจริงๆ อยากเดินจงกรมก็อยาก หาที่เดินได้คือร่มแดดข้างๆโบส์ถหลังใหม่ เดินไปสักพัก ยุบหนอ พ่องหนอ ยึดหนอ พังหนอ เริ่มมา ไม่มีสมาธิหละ  เพราะเสียงเพลงที่เปิดเล่นสงกรานต์ที่ถนน ด้านข้างห่างกันไม่ไกลแต่มีต้นไม้บัง ทำให้มองไม่เห็นกัน เดินๆ ไป เสียงเพลงก็เข้าหูเป็นระยะๆ ถ้าเราตั้งใจฟังก็จะรู้ว่าเพลงอะไร ( เหมือนไปเล่นน้ำกะคนกลุ่มนั่นไปแล้ว) แต่ถ้าเรามีสมาธิ ยุบหนอ พองหนอ จะไม่รู้ว่าเพลงไร (แต่นั่นคือความเข้าใจผิดในเรื่องของสมาธิ) ไม่ไหวจะฝืน (อีกนั่นหละ) รู้ว่าเราไม่มีสมาธิ อย่าฝืน เตรียมตัวทำวัตรเย็น.....(อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า)
         ระหว่างนั่งรอทำวัตรเย็น ยังพอมีเวลาเหลือ ก็ไปนั่งทำวิปัสสนาฯ ที่โบส์ถหลังเก่า (วันนี้ทำวัตรเย็นที่โบส์ถหลังใหม่) ก็นั่ง ยุบหนอ พองหนอ ไปเรื่อยๆ นิ่ง ๆ แต่ก็วอกแวก หลุดๆ ลอยๆ เรื่อยเปื่อย เหมือนเดิม นั่งสักพัก ก็ได้ยินเสียงของพระเบา บอกว่าจะตีระฆังนะ  พอหละ สมควรแก่เวลา นึกในใจ 55555...ก็นั่งดูพระตีระฆัง และพฤติกรรมของ หมามันส่งเสียงประสานหอนรับกัน เออ ก็เพราะดีนะ (ทำไมหมาถึงหอนเวลาได้ยินเสียงระฆัง ก็นั่งถามเอง ตอบตัวเอง...!! เพราะมันจะกลบเสียงดังที่ปวดแก้วหูจะวัตถุนั่น ด้วยฟังเสียงของมันเอง (มั่วปะไม่รู้ แต่จำได้เคยอ่านหนังสือเจอ) พอพระตีระฆังเสร็จ พระรูปนั่นก็ถามว่า เป็นไงบ้าง ได้ไหม!! ....ตอบแบบงงๆ ว่า ไม่ได้คะ รู้สึกง่วงอย่างเดียว เหมือนอะไรๆ ก็เหมือนเดิม ท่านแนะการทำสมาธิแล้วแต่วิธีที่เราถนัด เราเหมาะแบบไหน ก็ปฏิบัติแบบนั่น ถ้าง่วงก็อย่าฝืน ให้ไปทำอย่างอื่น คุยไปคุยมา ท่านเลยพูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า  เรา"จิตลิง" แค่นั่นหละ รู้เลยพระรูปนี้น่าสนใจ ต้องมีวิธีที่จะแนะนำอะไรๆ เราได้แน่ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วหละ เพราะต้องไปทำวัตรเย็นกัน
     ประมาณ 6 โมง เริ่มทำวัตรเย็น  นั่งวิปัสสนาหลับเหมือนเดิม ไม่มีสมาธิ.....แยกย้าย พักผ่อน (เหมือนเดิม)

......  สรุปวันนี้ ไม่ได้ไรยังงง แต่ที่ได้คือ เห็นคนถือไฟฉาย พอจะส่องทางให้เราได้แว้ว......

วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

ของขวัญวันเกิด จากคนพิเศษสุด

ขอบคุณนะคะ "สำหรับของขวัญ"
ขอเดาละกันนะคะ คิดว่าน่าจะเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิด เพราะไม่มีการ์ดบอกอะไรเลยสักอย่าง
สวยคะ ว่าแต่เลือกเอง คิดเองด้วยหรือเปล่า !! ถ้าคิดเอง อยากรู้จัง "คิดอะไรถึงซื้อ...ให้คะ" 5555

         แต่ก็น่ารักดีนะ ^__^

ศีล 8 ใน 4 วัน

 
12-16 เมษายน 2553  ณ วัดป่าเขาคงคา อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
12 เมษายน 2553  (ตรงกับวันจันทร์ด้วย)

เช้าปกติเหมือนทุกๆ วัน คือตื่นเช้า (แต่หลังสุด ของทั้งบ้าน 555) วันนี้จริงๆ ตั้งใจ จะใส่บาตรกรวดน้ำซะหน่อย แต่ไม่มีใครปลุก จริงๆ แม่ปลุกแล้ว แต่ไม่รู้สึกตัว (แม่บอกว่าเรียกแล้ว) เรียกยังไง ก็ไม่รู้ ทำไม ไม่เรียกแบบลากมาจากที่นอนเหมือนทุกๆ ที ไม่ลุก ก็ไม่หยุดเรียก.....วันนี้เลยอดใส่บาตร แต่ไม่เป็นไร เพราะยังไง วันนี้ก็จะต้องไปบวชชีพราหมณ์ ถือศีล 8 แล้วหละ ค่อยถวายน้ำปานะตอนค่ำละกัน (คิดแบบนั่น)
     นัดกะพระอาจารย์เจ้าอาวาส (วัดป่าเขาคงคา)ไว้ที่วัดตอนบ่าย 3 โมง วันนี้เจ้าอาวาสไม่อยู่ ไปธุระในเมืองโคราช ช่วงเช้าก็ช่วยแม่ (นั่งดู) ทำบายศรี จริงๆ แม่จะทำไปถวายที่วัด(ในหมู่บ้าน) แต่พอทำเสร็จ ลองถามแม่ว่า ดอกไม้ที่จะไปถวายพระ วัดที่จะไปบวช ใช้ดอกอะไร แม่บอกไม่มี 5555 ไม่ได้ซื้อมาให้ งง เลยดิ ตอบแบบนี้ "อ้าว" คำเดียว แม่บอกให้พ่อไปซื้อดอกไม้พลาสติกที่ตลาดก็ได้ (เพราะสายป่านฉะนี้แล้ว ไม่มีหรอกดอกไม้ไหว้พระแบบสดๆ)  ซะงั้น ไม่มีทาง เราไม่ชอบดอกไม้พลาสติก อะไรลูกจะบวชชี ไม่มีดอกไม้ถวายพระพุทธเลยสักดอก (เหมือนจะอิจฉา วัดในหมู่บ้านจะได้บายดี สวยๆ ที่แม่ทำ) ป้า เลยบอกว่า ทำไม ไม่เอาบายศรีนี้ไปถวายหละ ลูกจะไปบวชชี ไม่มีลูกไม้สักดอก ไว้ทำให้วันนี้วันเข้าพรรษา วันนี้เอาไปวัดป่าฯ ก่อน แม่กะพ่อ เลยตกลงกันว่า งั้นไว้วันเข้าพรรษาละกันค่อยทำไปถวาย....  5555 ดีใจซิทีนี่ ได้บายศรี 1 คู่ ไปถวายพระแว้ววว กว่าจะทำเสร็จ (แม่กะพ่อช่วยกัน) ร้อนมากกกกกกกกก อากาศ ร้อนโคตรๆ แม่เริ่มบ่นปวดหลัง สงสารแม่มากเลย แต่ก็ช่วยไรไม่ได้ นอกจากนั่งชมไปเรื่อยๆ ให้กำลังใจไปพลางๆ อิอิ 
   กว่าจะเสร็จล่อไปเกือบบ่าย 2 โมง ไม่ได้เตรียมอะไรเล้ย มาเตรียมตอนจะไปกัน ตอนแรกพ่อจะเกเร ไม่รักษาคำพูด คือจะไม่ไป (เหมือนทุกๆ ที ที่สับขาหลอกแม่มาตลอดเรื่องนี้) เราก็เลยบอกว่า พ่อไม่พร้อมจะไป ก็ไม่ต้องไป ของแบบนี้ อยู่ที่ใจ ไม่บังคับ แต่ถ้ารู้ว่าใจไม่พร้อมก็อย่ารับปากแม่...(บ่นเยอะหละ ) สัจจเป็นกษัตริย์ยังไม่คืนคำ 5555 มุขนี้....ได้ผล
    พอใกล้ถึงเวลา เก็บผ้า เก็บของกันซะให้วุ่น เพราะนัดให้เพื่อนมารับไปส่งที่วัดบ่าย 3 โมง (พี่ชายไม่อยู่) บ่าย 3 เกือบครึ่งหละ ยังไม่เสร็จเลย...นัดเจ้าอาวาสไว้ บ่าย 3 โมง ยังอยู่บ้าน อยู่เลย 5555....บ้านห่างจากวัดใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที
  มาถึงวัดก็ประมาณ เกือบ 4 โมงหละ เข้ามาถึงวัด อื้ม เปลี่ยนไปนิดหน่อย เมื่อ 3 ปีก่อนที่มาล่าสุด ชุ่มชื่น (เพราะมาตอนนั่น ฤดูฝนนี่) มาตอนนี้ ต้นไม้ ใบร่วงแทบจะหมดหละ แต่ตรงลานไทร ยังร่มรื่นเพราะใบยังเต็มต้น โดยรวมทั่วไป ยังเหมือนเดิม ไม่เจริญด้วยวัตถุเหมือนวัดอื่นๆ ที่นี่ยังคงความเป็นวัดป่า ได้เหมือนเดิม สงบ ร่มรื่น(ถึงต้นไม้จะไร้ใบ เพราะฤดูแล้งสุดๆ) อยู่แล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ บรรยากาศโดยรวม มันเงียบเกินไป น่าจะรู้สึกเหงาได้ถ้าคนไม่เคยมาที่นี่..แต่ไม่ใช่ความรู้สึกของเรา แม่ลงจากรถก็ถามหาเจ้าอาวาสก่อน ถามจากพระ และเณร ที่กำลังวาดลานวัดฯ อยู่ตรงนั่นหละ (เพิ่งรู้ว่า เก เป็นเพื่อนกะเจ้าอาวาสฯ สมัยเรืยนมัธยมต้นด้วยกัน งี้รู้หละว่าเจ้าอาวาสอายุเท่าไหร่ 5555) ....เจ้าอาวาสยังมาไม่ถึงวัด ดีแล้วที่เรามาถึงก่อนท่านฯ
     ระหว่างรอ ก็ไปหาที่พักกันละกัน ที่พักของชี แยกโซนให้อยู่ด้านล่าง (ตีนเขา) เป็นหลังๆ ห่างกันโดนประมาณ เพราะต้องการให้มีพื่นที่สำหรับจงกรม รอบๆ บ้านได้แบบสบายๆ มีต้นไม้สูงๆ โปร่งๆ เต็มทุกพื้นที่เว้นฉะเพราะทางเดิน บ้านขนาดหลังเล็ก อยู่คนถึง 2 คนได้ และหลังใหญ่ อยู่ได้ 5-7 คน
     หลังจากไม่มีบ้านให้เหลือเลือกซะแว้วว ก็ได้บ้านพักส่วนตั๊วส่วนตัว (จากที่ตั้งใจจะเอายกพื้น หลังแรก น่ารักมาก อิอิ ไม่วายเลือก แต่ดันมาสายกว่าเค้า 5 นาที เค้าเลือกไปแว้ววว) ได้หลัง ที่ไม่อยากอยู่ที่สุดในจำนวนที่พักของชี คือ หลังนี้ ที่ได้อยู่ เฮ้อออ! คงไม่มีคนอยู่คงนานหลายเดือน มีขี้ตุ๊กแกเต็มเลย ดีนะ มีเก ช่วยทำความสะอาด ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ กว่าจะทำความสะอาดเสร็จก็ปาไปเกือบ 5 โมงครึ่ง ออ ตกลงพ่อพักด้วย (กรณีนี้พิเศษ เนื่องจากไม่ค่อยมีชีเยอะ) พ่อนอนข้างนอกห้อง ตรงที่พักมีต้นไม้ใหญ่ด้วย มีตุ๊กแกตัวหญ่ายยยยมากด้วย แต่ก็ดีกว่ามีงูละเนอะ
     หลังจากทำความสะอาดบ้านพักแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดขาว ได้เวลา 6 โมง พระตีระฆัง (เสียงระฆังที่นี่จะไพเราะมากกกก นิ่ม แต่กังวาล)  เป็นเวลาเริ่มทำวัตรเย็น ก็ไปรวมตัวที่โบสถ์(ใหม่) จริงๆอยากไปนั่งทำวัตรฯ ที่โบสถ์เก่ามากกว่า สมถะดี โบสถ์เก่า จะเป็นปูนผสมไม้ ยกพื้นขึ้นสูงจากดินนิดเดียวพอไม่ให้น้ำท่วมมั่ง หลังคามุ่งสังกะสี โปร่งๆ สูงๆ มีกำแพง ด้านหลังที่ตั้งพระพุทธรูป (เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพมาสักใบ ตอนนั่นคิดตั้งใจเก็บไว้ในความรู้สึกก็พอ เลยไม่ได้ถ่ายมา)  ปูเสือน้ำมัน ขาดบ้าง ดีบ้าง แต่สะอาด....รอบๆ โบสถ์เก่า ซ้ายมีต้นไทรต้นใหญ่ แผ่กิ่งก้าน ปกคลุมทำให้เป็นร่มพื้นที่กว้าง ร่มรื่นมากกก อยู่บริเวณนั่นแล้วสดชื่น พื้นปูด้วยตัวหนอน เพราะบริเวณนั่น เป็นดินเหนืยว ถ้าเป็นช่วงวันทำบุญบริเวณนี้ ชาวบ้านที่มาทำบุญจะทะลักมาถึงลานต้นไทรนี้เลย เพราะบนโบสถ์จากที่ไม่กว้างเท่าไหร่ก็จะแคบไปทันที ก็นั่งฟังธรรมฯ ที่ลานนี้ นั่งกินข้าวพร้อมพระก็ตรงลานนี้ (พระที่นี่ฉันท์ข้าวพร้อมกับชาวบ้าน ปกติที่อื่นต้องให้พระฉันท์ก่อน) เพราะคนที่มาวัดนี้จะเยอะมากกกกก ไม่รู้มาจากไหนหนักหนา แต่ไม่ได้มาแบบพวกคนรวยๆ มาทำบุญกันนะ แบบบ้านๆ จริงๆ......หลังจากคบ(องค์ประชุม) สังเกตุระหว่างรอคนโน้นมา คนนั่นมาให้พร้อมกัน เห็นมีชีเยอะเหมือนกัน คนแก่ไม่ค่อยมี มีแก่สุดก็ พ่อ (มีผู้ชายคนเดียว) แม่ และใหญ่(ป้า)วี  นี่หละแก่สุด นอกนั่นเป็นชีรุ่นๆ เดียวกันซะส่วนใหญ่ (พวกทำงานแล้ว) มีเณรเยอะ สักเกือบ 10 กว่าคนได้มั่ง ช่วงนี้เป็นช่วงบวชเรียน (มาแบบสัญจร) พระประจำวันนี้จำไม่ได้เท่าไหร่(ลืม) วันนี้มีพระธรรมกาย(ธรรมกายเค้าจัดโครงการ ผู้หญิงใจพระ 500,000 รูปทั้งประเทศ (กะ)ใช้ชื่อวัดป่าฯ นี้เรียกคนเข้าร่วมบวชเยอะ เลยมาขอให้สถานที่ เพราะเค้ามีนโยบายใช้อำเภอละ 1 จุด แต่ที่อ.นี้เค้าใช้ 2 จุด) ร่วมทำวัดเย็นด้วย 3 รูป ที่สังเกตุได้ชัดเจนคือ พระธรรมกายจะแต่งผ้าจีวรสีส้มแป้ดดดด ส่วนพระวัดป่าฯ จะสีส้มดำๆ เข้มๆ ส่วนจำนวนพระวัดป่าฯ จริงๆ ตอนนี้เหลือแค่ 3 รูป เณร(น้อย) 2 รูป (เณรกร และเณรนนท์)
     เจ้าอาวาสก็มาถึง (หรือที่เรียกกันคือ "พระอาจารย์อ๊อด" บวชมาได้ 9 พรรษา จำยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาส เพราะเจ้าอาวาสเดิมที่ก่อตั้งวัดนี้ได้สึกออกไปโดยฉุกเฉิน พระอาจารย์อ๊อดเปรียบเสมือนมือขวา และอายุพรรษานานสุดในจำนวนพระที่มีอยู่ ปกติช่วงเข้าเข้าพรรษาพระที่นี่จะเยอะพอประมาณ ไม่ต่ำกว่า 10 รูป)  แล้วก็เริ่มทำพิธีวัตรเย็น กราบพระพุทธ และพระสงฆ์ นั่งสมาธิ (ประมาณ 45 นาที ง่วงมากกกก ตอนนั่นยังไม่รู้เลยว่าการนั่งสมาธิต้องทำไงบ้าง ก่อนมาก็อ่านหนังสือของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันไป ก็เอามาปฏิบัติแบบที่หนังสือแนะนำ แต่ทำไม่ได้ 555 จะหลับซะให้ได้).....และแล้ว เสียง "พอ สมควรแก่เวลา" ของเจ้าอาวาสฯ ก็แว่วมา 5555 ค่อยยังชั่ว ไม่งั้นได้นั่งหัวทิ่มแน่..จากนั่นก็สวดแพร่เมตตา
      สุดท้าย ก็ไม่ได้ทำน้ำปานะ เฮ้อออ!! .....รู้งี้ซื้อนมกล่องมาถวายดีกว่า ไม่น่าซื้อโอวัลตินมาทำเองเลย!! ไม่มีใครทำให้! (ก็ตอนแรกแม่ว่าจะทำ) ช่างเหอะ ไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้าก็ได้ (ปลอบใจตัวเอง)
      เจ้าอาวาสเอาน้ำปานะ มาแจกซะเอง 5555 คนละกล่อง ....แล้วก็ให้คนอื่นๆ ไปพัก ส่วนกลุ่มชีใหม่(คือกลุ่มเรา พ่อ แม่ ป้า และเรา) รับศีล 8   แล้วท่านก็ถามว่ามีอะไร จะถามไหม? เข้าทางเลยหละ เพราะไม่รู้จริงๆ พอแค่รู้ศีล 5..
การรักษาศีล 8 (หากรักษา 3 วัน เรียกว่า "ปฏิชาครอุโบสถ")
1.เว้นจากทำลายชีวิต
2. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
3. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
4. เว้นจากพูดเท็จ การพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
5. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
6. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
7. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์
    การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
8. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย ภายในมีนุ่นหรือสำลี
  ท่านได้สอนอะไรๆ หลายๆ อย่างแล้ว มีประโยคหนึ่งที่ท่านถาม "จะให้แมวยังเล็ก จับหนูจะทำอย่างไร? " ไอ้เราก็ตอบไปว่า ก็จับแมวขังไว้กะหนู แล้วปิดประตูห้อง เจ้าอาวาสฮาเลย (คงเจอคำตอบแบบโง่ๆ ของเราเข้าให้)......แมวมันยังเล็กนะ จะสอนมันได้ไหม! (แล้วคนสอน สอนเป็นหรอ สงสัยเอง)  ก็สอนไม่ได้ ......แล้วต้องทำอย่างไร!! ตอบไม่ได้จริงๆ เจอคำถามนี้ แต่ท่านฯ ก็เร่งให้ตอบ เราก็คิดไม่ออก คิดแค่ว่า สัญชาตญาณของมัน มันจับเป็นเองหละไม่ต้องสอน แต่ไม่รู้จะตอบว่ายังไง ตอบไปแล้วก็ไม่ถูก......พระอาจารย์อ๊อด เฉลยว่า "ก็ขุนแมวให้มันโตซิ พอมันโต เด่วมันก็จับหนูเอง โดยไม่ต้องไปสอนมัน เพราะเป็นสัญชาตญาณของแมว"...เข้าใจนะ แต่ไม่รู้ความหมาย ในตอนนั่น!!!!....คุยกับท่านได้ไรอีก เยอะแยะแลย
       สมควรแก่เวลา การพักผ่อน....นอนบนเสื่อ ไม่หนุนอะไรเลย กว่าจะหลับ ก็ไม่หลับ เลยต้องลุกมากินยานอนหลับดีกว่า ไม่งั้นคงไม่ได้หลับแน่ๆ แบบนี้!!....เพราะต้องตื่นมาทำวัตรเช้า ตอนตี 3 นั่นหมายถึง ต้องตื่นก่อนตี 3 ...



ต่อ..... วันที่ 13 เมษายน 2553 นะคะ

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

อนิงส์จากแม่


     ไม่กี่วันหละ ก็จะถึงวันที่ทำให้แม่ร้องไห้ครั้งแรกให้กับเรา และเจ็บปวดที่สุด (อันนี้ฟังมาอีกที ) เราก็ร้องนะวันนั้น ไม่ร้องธรรมดาด้วย ภาษาบ้าน ๆ เรียกว่า หลับหูหลับตาร้อง แหกปากร้อง ร้องลั่นโรงบาล เลยหละ แต่ไม่รู้ร้องเพราะอะไร จำไม่ได้หละ อิอิ!! สงสัย ร้องเพราะอยากไปเล่นน้ำสงกรานต์ หุหุ

ขอบพระคุณพ่อและแม่ที่สุด ที่ทำให้เราเกิดมา และ อบรมเลี้ยงดูให้ลูกเป็นคนดี คนหนึ่งของสังคม ถึงจะไม่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้เลวโดยเจตนา ลูกจะตอบแทนคุณ ด้วยการเป็นคนดีของพ่อและแม่และสังคม

สำหรับปีนี้ ตรงกะวันครบรอบเลย จะเรียกไรหละ เรียกไม่ถูกอิอิ ตรงกะวันจันทร์วันที่เกิด เออนั่นหละ ปีนี้เลยมีโปรแกรม ไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดป่าเขาคงคา วัดที่ อ.ครบุรี บ้านเกิด กำหนด 3 วัน จริง ๆ อยากบวชสัก 7 วัน แต่เวลาไม่อำนวย หรือจะเรียกว่าบุญไม่ถึงก็คงใช่ 5555 ศีล 8 จะไหวไหมธนภร!! 555...

ลองดูก่อนละกัน โปรแกรมอิ่มบุญครั้งนี้ มีพ่อ แม่ และป้า ไปบวชเป็นเพื่อนด้วย สำหรับแม่กับป้า เค้าบวชเป็นกิจไปแล้ว มีพ่อนี่หละ ที่ยอมบวชซะที พ่อยอมทุกอย่างเพราะลูกสาวคนนี้เสมอ ถึงลูกจะเอาแต่ใจ และดื้อตาใส กับพ่อเสมอมาก็ตาม...ขอภาวนา ให้บรรลุผ่านไปด้วยดีด้วยเถอะ สาธุ แต่คิดว่าจะทำให้ดีที่สุด เพราะมีพ่อกับแม่ เป็นกำลังใจอยู่ข้าง ๆ อิอิ ทุก ๆ อย่าง ก็ยังเหมือน ๆ เดิม ที่เพิ่มเติมคือ ความแก่ ..55555 +++