วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

ศีล 8 ใน 4 วัน

 
12-16 เมษายน 2553  ณ วัดป่าเขาคงคา อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
12 เมษายน 2553  (ตรงกับวันจันทร์ด้วย)

เช้าปกติเหมือนทุกๆ วัน คือตื่นเช้า (แต่หลังสุด ของทั้งบ้าน 555) วันนี้จริงๆ ตั้งใจ จะใส่บาตรกรวดน้ำซะหน่อย แต่ไม่มีใครปลุก จริงๆ แม่ปลุกแล้ว แต่ไม่รู้สึกตัว (แม่บอกว่าเรียกแล้ว) เรียกยังไง ก็ไม่รู้ ทำไม ไม่เรียกแบบลากมาจากที่นอนเหมือนทุกๆ ที ไม่ลุก ก็ไม่หยุดเรียก.....วันนี้เลยอดใส่บาตร แต่ไม่เป็นไร เพราะยังไง วันนี้ก็จะต้องไปบวชชีพราหมณ์ ถือศีล 8 แล้วหละ ค่อยถวายน้ำปานะตอนค่ำละกัน (คิดแบบนั่น)
     นัดกะพระอาจารย์เจ้าอาวาส (วัดป่าเขาคงคา)ไว้ที่วัดตอนบ่าย 3 โมง วันนี้เจ้าอาวาสไม่อยู่ ไปธุระในเมืองโคราช ช่วงเช้าก็ช่วยแม่ (นั่งดู) ทำบายศรี จริงๆ แม่จะทำไปถวายที่วัด(ในหมู่บ้าน) แต่พอทำเสร็จ ลองถามแม่ว่า ดอกไม้ที่จะไปถวายพระ วัดที่จะไปบวช ใช้ดอกอะไร แม่บอกไม่มี 5555 ไม่ได้ซื้อมาให้ งง เลยดิ ตอบแบบนี้ "อ้าว" คำเดียว แม่บอกให้พ่อไปซื้อดอกไม้พลาสติกที่ตลาดก็ได้ (เพราะสายป่านฉะนี้แล้ว ไม่มีหรอกดอกไม้ไหว้พระแบบสดๆ)  ซะงั้น ไม่มีทาง เราไม่ชอบดอกไม้พลาสติก อะไรลูกจะบวชชี ไม่มีดอกไม้ถวายพระพุทธเลยสักดอก (เหมือนจะอิจฉา วัดในหมู่บ้านจะได้บายดี สวยๆ ที่แม่ทำ) ป้า เลยบอกว่า ทำไม ไม่เอาบายศรีนี้ไปถวายหละ ลูกจะไปบวชชี ไม่มีลูกไม้สักดอก ไว้ทำให้วันนี้วันเข้าพรรษา วันนี้เอาไปวัดป่าฯ ก่อน แม่กะพ่อ เลยตกลงกันว่า งั้นไว้วันเข้าพรรษาละกันค่อยทำไปถวาย....  5555 ดีใจซิทีนี่ ได้บายศรี 1 คู่ ไปถวายพระแว้ววว กว่าจะทำเสร็จ (แม่กะพ่อช่วยกัน) ร้อนมากกกกกกกกก อากาศ ร้อนโคตรๆ แม่เริ่มบ่นปวดหลัง สงสารแม่มากเลย แต่ก็ช่วยไรไม่ได้ นอกจากนั่งชมไปเรื่อยๆ ให้กำลังใจไปพลางๆ อิอิ 
   กว่าจะเสร็จล่อไปเกือบบ่าย 2 โมง ไม่ได้เตรียมอะไรเล้ย มาเตรียมตอนจะไปกัน ตอนแรกพ่อจะเกเร ไม่รักษาคำพูด คือจะไม่ไป (เหมือนทุกๆ ที ที่สับขาหลอกแม่มาตลอดเรื่องนี้) เราก็เลยบอกว่า พ่อไม่พร้อมจะไป ก็ไม่ต้องไป ของแบบนี้ อยู่ที่ใจ ไม่บังคับ แต่ถ้ารู้ว่าใจไม่พร้อมก็อย่ารับปากแม่...(บ่นเยอะหละ ) สัจจเป็นกษัตริย์ยังไม่คืนคำ 5555 มุขนี้....ได้ผล
    พอใกล้ถึงเวลา เก็บผ้า เก็บของกันซะให้วุ่น เพราะนัดให้เพื่อนมารับไปส่งที่วัดบ่าย 3 โมง (พี่ชายไม่อยู่) บ่าย 3 เกือบครึ่งหละ ยังไม่เสร็จเลย...นัดเจ้าอาวาสไว้ บ่าย 3 โมง ยังอยู่บ้าน อยู่เลย 5555....บ้านห่างจากวัดใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที
  มาถึงวัดก็ประมาณ เกือบ 4 โมงหละ เข้ามาถึงวัด อื้ม เปลี่ยนไปนิดหน่อย เมื่อ 3 ปีก่อนที่มาล่าสุด ชุ่มชื่น (เพราะมาตอนนั่น ฤดูฝนนี่) มาตอนนี้ ต้นไม้ ใบร่วงแทบจะหมดหละ แต่ตรงลานไทร ยังร่มรื่นเพราะใบยังเต็มต้น โดยรวมทั่วไป ยังเหมือนเดิม ไม่เจริญด้วยวัตถุเหมือนวัดอื่นๆ ที่นี่ยังคงความเป็นวัดป่า ได้เหมือนเดิม สงบ ร่มรื่น(ถึงต้นไม้จะไร้ใบ เพราะฤดูแล้งสุดๆ) อยู่แล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ บรรยากาศโดยรวม มันเงียบเกินไป น่าจะรู้สึกเหงาได้ถ้าคนไม่เคยมาที่นี่..แต่ไม่ใช่ความรู้สึกของเรา แม่ลงจากรถก็ถามหาเจ้าอาวาสก่อน ถามจากพระ และเณร ที่กำลังวาดลานวัดฯ อยู่ตรงนั่นหละ (เพิ่งรู้ว่า เก เป็นเพื่อนกะเจ้าอาวาสฯ สมัยเรืยนมัธยมต้นด้วยกัน งี้รู้หละว่าเจ้าอาวาสอายุเท่าไหร่ 5555) ....เจ้าอาวาสยังมาไม่ถึงวัด ดีแล้วที่เรามาถึงก่อนท่านฯ
     ระหว่างรอ ก็ไปหาที่พักกันละกัน ที่พักของชี แยกโซนให้อยู่ด้านล่าง (ตีนเขา) เป็นหลังๆ ห่างกันโดนประมาณ เพราะต้องการให้มีพื่นที่สำหรับจงกรม รอบๆ บ้านได้แบบสบายๆ มีต้นไม้สูงๆ โปร่งๆ เต็มทุกพื้นที่เว้นฉะเพราะทางเดิน บ้านขนาดหลังเล็ก อยู่คนถึง 2 คนได้ และหลังใหญ่ อยู่ได้ 5-7 คน
     หลังจากไม่มีบ้านให้เหลือเลือกซะแว้วว ก็ได้บ้านพักส่วนตั๊วส่วนตัว (จากที่ตั้งใจจะเอายกพื้น หลังแรก น่ารักมาก อิอิ ไม่วายเลือก แต่ดันมาสายกว่าเค้า 5 นาที เค้าเลือกไปแว้ววว) ได้หลัง ที่ไม่อยากอยู่ที่สุดในจำนวนที่พักของชี คือ หลังนี้ ที่ได้อยู่ เฮ้อออ! คงไม่มีคนอยู่คงนานหลายเดือน มีขี้ตุ๊กแกเต็มเลย ดีนะ มีเก ช่วยทำความสะอาด ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ กว่าจะทำความสะอาดเสร็จก็ปาไปเกือบ 5 โมงครึ่ง ออ ตกลงพ่อพักด้วย (กรณีนี้พิเศษ เนื่องจากไม่ค่อยมีชีเยอะ) พ่อนอนข้างนอกห้อง ตรงที่พักมีต้นไม้ใหญ่ด้วย มีตุ๊กแกตัวหญ่ายยยยมากด้วย แต่ก็ดีกว่ามีงูละเนอะ
     หลังจากทำความสะอาดบ้านพักแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดขาว ได้เวลา 6 โมง พระตีระฆัง (เสียงระฆังที่นี่จะไพเราะมากกกก นิ่ม แต่กังวาล)  เป็นเวลาเริ่มทำวัตรเย็น ก็ไปรวมตัวที่โบสถ์(ใหม่) จริงๆอยากไปนั่งทำวัตรฯ ที่โบสถ์เก่ามากกว่า สมถะดี โบสถ์เก่า จะเป็นปูนผสมไม้ ยกพื้นขึ้นสูงจากดินนิดเดียวพอไม่ให้น้ำท่วมมั่ง หลังคามุ่งสังกะสี โปร่งๆ สูงๆ มีกำแพง ด้านหลังที่ตั้งพระพุทธรูป (เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพมาสักใบ ตอนนั่นคิดตั้งใจเก็บไว้ในความรู้สึกก็พอ เลยไม่ได้ถ่ายมา)  ปูเสือน้ำมัน ขาดบ้าง ดีบ้าง แต่สะอาด....รอบๆ โบสถ์เก่า ซ้ายมีต้นไทรต้นใหญ่ แผ่กิ่งก้าน ปกคลุมทำให้เป็นร่มพื้นที่กว้าง ร่มรื่นมากกก อยู่บริเวณนั่นแล้วสดชื่น พื้นปูด้วยตัวหนอน เพราะบริเวณนั่น เป็นดินเหนืยว ถ้าเป็นช่วงวันทำบุญบริเวณนี้ ชาวบ้านที่มาทำบุญจะทะลักมาถึงลานต้นไทรนี้เลย เพราะบนโบสถ์จากที่ไม่กว้างเท่าไหร่ก็จะแคบไปทันที ก็นั่งฟังธรรมฯ ที่ลานนี้ นั่งกินข้าวพร้อมพระก็ตรงลานนี้ (พระที่นี่ฉันท์ข้าวพร้อมกับชาวบ้าน ปกติที่อื่นต้องให้พระฉันท์ก่อน) เพราะคนที่มาวัดนี้จะเยอะมากกกกก ไม่รู้มาจากไหนหนักหนา แต่ไม่ได้มาแบบพวกคนรวยๆ มาทำบุญกันนะ แบบบ้านๆ จริงๆ......หลังจากคบ(องค์ประชุม) สังเกตุระหว่างรอคนโน้นมา คนนั่นมาให้พร้อมกัน เห็นมีชีเยอะเหมือนกัน คนแก่ไม่ค่อยมี มีแก่สุดก็ พ่อ (มีผู้ชายคนเดียว) แม่ และใหญ่(ป้า)วี  นี่หละแก่สุด นอกนั่นเป็นชีรุ่นๆ เดียวกันซะส่วนใหญ่ (พวกทำงานแล้ว) มีเณรเยอะ สักเกือบ 10 กว่าคนได้มั่ง ช่วงนี้เป็นช่วงบวชเรียน (มาแบบสัญจร) พระประจำวันนี้จำไม่ได้เท่าไหร่(ลืม) วันนี้มีพระธรรมกาย(ธรรมกายเค้าจัดโครงการ ผู้หญิงใจพระ 500,000 รูปทั้งประเทศ (กะ)ใช้ชื่อวัดป่าฯ นี้เรียกคนเข้าร่วมบวชเยอะ เลยมาขอให้สถานที่ เพราะเค้ามีนโยบายใช้อำเภอละ 1 จุด แต่ที่อ.นี้เค้าใช้ 2 จุด) ร่วมทำวัดเย็นด้วย 3 รูป ที่สังเกตุได้ชัดเจนคือ พระธรรมกายจะแต่งผ้าจีวรสีส้มแป้ดดดด ส่วนพระวัดป่าฯ จะสีส้มดำๆ เข้มๆ ส่วนจำนวนพระวัดป่าฯ จริงๆ ตอนนี้เหลือแค่ 3 รูป เณร(น้อย) 2 รูป (เณรกร และเณรนนท์)
     เจ้าอาวาสก็มาถึง (หรือที่เรียกกันคือ "พระอาจารย์อ๊อด" บวชมาได้ 9 พรรษา จำยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาส เพราะเจ้าอาวาสเดิมที่ก่อตั้งวัดนี้ได้สึกออกไปโดยฉุกเฉิน พระอาจารย์อ๊อดเปรียบเสมือนมือขวา และอายุพรรษานานสุดในจำนวนพระที่มีอยู่ ปกติช่วงเข้าเข้าพรรษาพระที่นี่จะเยอะพอประมาณ ไม่ต่ำกว่า 10 รูป)  แล้วก็เริ่มทำพิธีวัตรเย็น กราบพระพุทธ และพระสงฆ์ นั่งสมาธิ (ประมาณ 45 นาที ง่วงมากกกก ตอนนั่นยังไม่รู้เลยว่าการนั่งสมาธิต้องทำไงบ้าง ก่อนมาก็อ่านหนังสือของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันไป ก็เอามาปฏิบัติแบบที่หนังสือแนะนำ แต่ทำไม่ได้ 555 จะหลับซะให้ได้).....และแล้ว เสียง "พอ สมควรแก่เวลา" ของเจ้าอาวาสฯ ก็แว่วมา 5555 ค่อยยังชั่ว ไม่งั้นได้นั่งหัวทิ่มแน่..จากนั่นก็สวดแพร่เมตตา
      สุดท้าย ก็ไม่ได้ทำน้ำปานะ เฮ้อออ!! .....รู้งี้ซื้อนมกล่องมาถวายดีกว่า ไม่น่าซื้อโอวัลตินมาทำเองเลย!! ไม่มีใครทำให้! (ก็ตอนแรกแม่ว่าจะทำ) ช่างเหอะ ไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้าก็ได้ (ปลอบใจตัวเอง)
      เจ้าอาวาสเอาน้ำปานะ มาแจกซะเอง 5555 คนละกล่อง ....แล้วก็ให้คนอื่นๆ ไปพัก ส่วนกลุ่มชีใหม่(คือกลุ่มเรา พ่อ แม่ ป้า และเรา) รับศีล 8   แล้วท่านก็ถามว่ามีอะไร จะถามไหม? เข้าทางเลยหละ เพราะไม่รู้จริงๆ พอแค่รู้ศีล 5..
การรักษาศีล 8 (หากรักษา 3 วัน เรียกว่า "ปฏิชาครอุโบสถ")
1.เว้นจากทำลายชีวิต
2. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
3. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
4. เว้นจากพูดเท็จ การพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
5. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
6. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
7. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์
    การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
8. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย ภายในมีนุ่นหรือสำลี
  ท่านได้สอนอะไรๆ หลายๆ อย่างแล้ว มีประโยคหนึ่งที่ท่านถาม "จะให้แมวยังเล็ก จับหนูจะทำอย่างไร? " ไอ้เราก็ตอบไปว่า ก็จับแมวขังไว้กะหนู แล้วปิดประตูห้อง เจ้าอาวาสฮาเลย (คงเจอคำตอบแบบโง่ๆ ของเราเข้าให้)......แมวมันยังเล็กนะ จะสอนมันได้ไหม! (แล้วคนสอน สอนเป็นหรอ สงสัยเอง)  ก็สอนไม่ได้ ......แล้วต้องทำอย่างไร!! ตอบไม่ได้จริงๆ เจอคำถามนี้ แต่ท่านฯ ก็เร่งให้ตอบ เราก็คิดไม่ออก คิดแค่ว่า สัญชาตญาณของมัน มันจับเป็นเองหละไม่ต้องสอน แต่ไม่รู้จะตอบว่ายังไง ตอบไปแล้วก็ไม่ถูก......พระอาจารย์อ๊อด เฉลยว่า "ก็ขุนแมวให้มันโตซิ พอมันโต เด่วมันก็จับหนูเอง โดยไม่ต้องไปสอนมัน เพราะเป็นสัญชาตญาณของแมว"...เข้าใจนะ แต่ไม่รู้ความหมาย ในตอนนั่น!!!!....คุยกับท่านได้ไรอีก เยอะแยะแลย
       สมควรแก่เวลา การพักผ่อน....นอนบนเสื่อ ไม่หนุนอะไรเลย กว่าจะหลับ ก็ไม่หลับ เลยต้องลุกมากินยานอนหลับดีกว่า ไม่งั้นคงไม่ได้หลับแน่ๆ แบบนี้!!....เพราะต้องตื่นมาทำวัตรเช้า ตอนตี 3 นั่นหมายถึง ต้องตื่นก่อนตี 3 ...



ต่อ..... วันที่ 13 เมษายน 2553 นะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น